ดร.สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล สำเร็จการศึกษา บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาดนตรีวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารทั่วไป มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
ประวัติการทำงาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยมหิดล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ที่ปรึกษาองค์กรต่างๆ ผู้ก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มบริษัท จี สตีล หนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจโรงแรม ก่อสร้าง พัฒนาที่ดิน ตึก-อาคารให้เช่า อีกทั้งท่านยังให้การสนับสนุนกิจกรรมของภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย มูลนิธิและสังคมอย่างต่อเนื่อง
ดร.สมศักดิ์ กล่าวถึงหลักในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ว่า “การที่เราจะทำสิ่งใดนั้น สิ่งที่สำคัญคือเราต้องมีความรู้เรื่องที่เราจะทำนั้นอย่างแท้จริง มีเป้าหมายชัดเจน มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีระเบียบวินัย มีความอดทน ไม่ย่อท้อ มีความคิดสร้างสรรค์ มองโลกในมุมบวก ต้องมีความซื่อสัตย์ เป็นคนดีมีน้ำใจ ช่วยเหลือคนอื่น และที่สำคัญต้องมีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในยุคปัจจุบันแตกต่างจากสมัยก่อน คนรุ่นใหม่มีเครื่องมือมาช่วยในการทำงานได้มากและรวดเร็ว สามารถสื่อสารกันได้อย่างทันท่วงที มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้มีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามในการทำงาน ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคน ผมมักจะบอกกับพนักงานร่วมแปดพันคนในกลุ่มบริษัทของผมเสมอว่า คนเราต้องทำงานเป็นทีม ต้องหัดเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ผมจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น นึกถึงประโยชน์ของส่วนรวม สิ่งสำคัญคือต้องให้ผู้ร่วมงานของเราอยู่กับเราอย่างมีความสุข มีความมุ่งมั่นในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ได้มีโอกาสแสดงความสามารถ มีคุณค่า และมีความสำคัญต่อองค์กร”
ดร.สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับคัดเลือกรางวัลมหิดลทยากร ประจำปี ๒๕๖๑ นี้ว่า “ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นที่สุด รางวัลมหิดลทยากรถือเป็นรางวัลเกียรติยศ ที่มอบให้กับศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม ประกอบวิชาชีพเป็นผลสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของสังคม ทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ ผมรู้สึกภูมิใจตั้งแต่ที่ได้เข้ามาเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ เริ่มตั้งแต่เป็นโรงพยาบาลศิริราช ปัจจุบันก็รวมอายุได้ ๑๓๑ ปี และได้รับพระราชทานนามว่ามหาวิทยาลัยมหิดลมา ครบ ๕๐ ปี มหิดลปลูกฝังแนวคิดให้นักศึกษายึดหลักตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ ๙ คือ ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์ โดยมหาวิทยาลัยมหิดล มิใช่มีเพียงผลิตบุคลากรด้านแพทย์อย่างเดียว ยังมีคณะที่ทำงานด้านสังคมอีกหลายคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ที่ผมได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการดำเนินการและบริหารจัดการ การก่อตั้งวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra; TPO) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งผมภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยดำเนินการอันเป็นประโยชน์ ที่ได้สนับสนุนมหาวิทยาลัยมหิดลมาโดยตลอด”