วันที่ 14 มีนาคม 2562 โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการส่งเสริมความรู้สู่ประชาชน “วันไตโลก” หัวข้อ “ทุกคนทั่วไทย ไตแข็งแรง”โดยมี ศาสตราจารย์ พญ.ศรีวิชา ครุฑสูตร รองคณบดีฝ่ายวิจัยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานเปิดงาน และ อาจารย์ ดร.นพ.สัณฑ์ ม่วงน้อยเจริญ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน กล่าวรายงาน ณ โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
ตามที่ International Federation of Kidney Foundation และ International Society of Nephrology ได้กำหนดให้ ทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนมีนาคม เป็น “วันไตโลก” (World Kidney Day) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวในการดูแลรักษาสุขภาพไตโดยเน้นถึงภาวะไตเรื้อรัง แนวทางในการป้องกันไตเสื่อม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเลือกรับประทานอาหาร ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย ลดการบริโภคเค็ม งดดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ซึ่งจะช่วยป้องกันและชะลอการเสื่อมของไตได้ การลดความเค็มในอาหารจะลดการเกิดโรคที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมเกินได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไต เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไตตั้งแต่เด็ก ควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคไตทุกปี ได้แก่ การตรวจปัสสาวะ เจาะเลือด และวัดความดันโลหิต
ภายในงานมีการเสวนา เรื่อง โรคไตในเด็กและผู้ใหญ่ “อาการแสดง การดูแลรักษา และการป้องกัน” โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางร่วมเป็นวิทยากร อาทิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.วีระพงษ์ ภูมิรัตนประพิณ อายุรแพทย์โรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน , อาจารย์ พญ.สลิล ศิรินาม กุมารแพทย์โรคไต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์เขตร้อน ,พญ.สุธาทิพย์ ชินประดิษฐสุข อายุรแพทย์ โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน , นางสาวรัตนาภรณ์ แซ่ลิ้ม พยาบาลผู้เชี่ยวชาญไตเทียม โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และเภสัชกรหญิงณัฐธิดา เหลืองสุชนกุล โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ได้ให้ความรู้ เรื่อง “การใช้ยา : สิ่งที่ประชาชนควรรู้” การสาธิตเมนูอาหารเฉพาะโรค เรื่อง “การจัดอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต/เบาหวาน/ความดันโลหิตสูง” กิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพในชุมชนโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ตระหนักถึงการป้องกัน ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยไตเรื้อรัง แม้ว่าประเทศไทยจะมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีสิทธิประโยชน์ครอบคลุมการรักษา แต่หากจำนวนผู้ป่วยมีมากเกินไป ไม่เพียงจะกลายเป็นภาระงบประมาณในอนาคต ยังอาจส่งผลต่อการเข้าถึงการรักษาอีกด้วย งานดังกล่าว มีส่วนช่วยให้ประชาชนคนไทย มีความรู้และรู้จักดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคไต และมีสุขภาพดีถ้วนหน้า มีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบยั่งยืน