สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน ม.มหิดล เปิดอบรมหลักสูตร Wellness & Healthcare Business Opportunity for Executives (WHB) รุ่น 1

วันที่ 19 มีนาคม 2564 ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตร Wellness & Healthcare Business Opportunity for Executives (WHB) รุ่น 1 โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ภูดิท เตชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวรายงาน พร้อมได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข Mr. Yuchenglang (Evan)Director of EBG Asia-Pacific Regional Office, Huawei Technologies ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์สมอาจ วงษ์ขมทอง ที่ปรึกษาหลักสูตร WHB ทีมวิทยากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จันจิรา วงษ์ขมทอง ผู้อำนวยการหลักสูตร WHB และผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานฯ ณ หอประชุมณัฐ ภมรประวัติ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวว่า “การอบรมหลักสูตรนี้ เป็นความร่วมมือของภาคีเครือข่าย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข The Department of Community and Global Health มหาวิทยาลัยโตเกียว  ประเทศญี่ปุ่น บริษัท Huawei Technologies (Thailand) บริษัท Siam Health Development และสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ร่วมกันพัฒนาหลักสูตร WHB นี้ขึ้น ซึ่งถือเป็นหลักสูตรหนึ่งของประเทศไทยที่มีคุณภาพสูงมาก และสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ นอกจาการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของวิทยากรชั้นนำของประเทศและระดับนานาชาติแล้ว การเรียนรู้ระหว่างผู้เข้ารับการอบรมก็นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดพลังการสร้างสรรค์และการสร้างเครือข่ายในการช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการเป็นศูนย์กลางการบริการสุขภาพและการแพทย์ในระดับนานาชาติให้เกิดเป็นความจริงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”

ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทรนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “อนาคตของธุรกิจบริการสุขภาพและเวลเนสของไทยภายใต้วิกฤตโควิด 19: โอกาสและความท้าทาย (The Future of Thai Healthcare and Wellness Business under COVID-19 Crisis: Opportunities and Challenges)” โดยมีประเด็นสำคัญ คือ โควิด-19 ทำให้เห็นถึงความร่วมมือและศักยภาพของภาครัฐ และภาคเอกชนทุกภาคส่วนของประเทศที่มาร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา และก็ทำให้เราเห็นถึงปัญหาของกระบวนการทำงานในหลาย ๆ กระบวนการ แต่ทุกคนและประเทศไทยก็ปรับตัว พัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งที่เรามีอยู่มาทดแทนในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ ต้องมีในสถานการณ์โควิด-19 นี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การปรับตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ การมาถึงของสังคมผู้สูงอายุที่ทำให้ธุรกิจทางด้าน Health และ Wellness จะเติบโตอย่างมาก รัฐบาลจึงมีแนวทางในการพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ 4 ด้าน ได้แก่ 1. Wellness Hub ที่เป็นการบริการอย่างครบวงจร 2. Medical Service Hub ที่เป็นการบูรณาการร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 3. Academic Hub ที่เกี่ยวกับสุขภาพอย่างครบวงจร เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ขึ้นมา และ 4. Product Hub โดยเฉพาะสินค้าจากธรรมชาติ Wellness และ Healthcare จะเป็นเสาหลักที่ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างแท้จริง จากนั้นเป็นการปาฐกถาพิเศษ โดย นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในหัวข้อ “Thailand Medical and Wellness Tourism”

หลักสูตร “Wellness & Healthcare Business Opportunity for Executives (WHB)” เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรชั้นนำระดับนานาชาติ ได้แก่ Huawei Technologies (Thailand) Co., Ltd., The Department of Community and Global Health, The University of Tokyo ประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท Siam Health Development เพื่อยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมทางการแพทย์และธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับ Wellness และ Healthcare ของประเทศไทยสู่ระดับโลก โดยหลักสูตรฯ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐ และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากบริษัทชั้นนำมาร่วมเป็นวิทยากร ระยะเวลาการอบรม 16 มีนาคม ถึง 16 กรกฎาคม 2564