สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล จัดงานแถลงข่าว “ม.มหิดลห่วงใย ปีใหม่เด็กไทยปลอดภัย เมื่อใช้คาร์ซีท”

คณะผู้บริหาร ม.มหิดล รับฟังข้อตกลงการปฏิบัติงานของส่วนงาน (PA-Visit) ประจำปีงบประมาณ 2566 ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
December 21, 2022
วันต่อต้านการทุจริตสากล (International Anti-Corruption Day)
December 21, 2022

สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล จัดงานแถลงข่าว “ม.มหิดลห่วงใย ปีใหม่เด็กไทยปลอดภัย เมื่อใช้คาร์ซีท”

วันที่ 21 ธันวาคม 2565 สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานแถลงข่าว “ม.มหิดลห่วงใย ปีใหม่เด็กไทยปลอดภัย เมื่อใช้คาร์ซีท” โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาต จิตต์เจริญ รองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง ที่ปรึกษานิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายผู้ประกอบการภาคเอกชน ร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยให้แก่เด็กขณะโดยสารรถยนต์ ในการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในการโดยสารรถยนต์ เพื่อลดการบาดเจ็บ การตาย จากอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในช่วงปีใหม่นี้ ณ ห้องลานเพลินชั้น 2 สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ กล่าวว่า การแก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 123 ที่กำหนดให้คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกินหกปี หรือความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องใช้ที่นั่งนิรภัยนั้น จนถึงวันนี้ใกล้ช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลปีใหม่แล้ว กฎหมายดังกล่าวก็ยังไม่มีผลบังคับใช้ ข้อกำหนด ระเบียบ ประกาศ กฎ หรือคำสั่งโดยพระราชบัญญัตินี้ ยังไม่แล้วเสร็จทั้ง ๆ ที่ ตามมาตรา 40 จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้บังคับใช้ (4 ธ.ค.65) ซึ่งเด็กยังคงไม่ได้รับการคุ้มครองจากการโดยสารรถยนต์ต่อไป

น่าแปลกใจที่หลายหน่วยงานไม่ยอมดำเนินการออกกฎระเบียบต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จ หลายครอบครัวยังคงคัดค้าน ไม่ยอมใช้คาร์ซีท ในงานมหกรรมยานยนต์ มอเตอร์ EXPO 2022 ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้คนสนใจมาชมในงานกว่า 1 ล้าน 3 แสนคน มีการจองรถยนต์รวมทั้งสิ้น 36,000 คัน คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 50,000 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่รถยนต์ทุกยี่ห้อซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ไม่สามารถใช้ได้โดยอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถยนต์ ต้องใช้กับอุปกรณ์เสริมคือที่นั่งนิรภัยเท่านั้น และเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตของเด็ก ๆ อายุต่ำกว่า 15 ปี กว่าปีละ 140 คน แต่กลับยังไม่มีใครออกตัวมาแสดงตนเป็นผู้นำหลักในการรณรงค์ขับเคลื่อนการใช้ที่นั่งนิรภัยในเด็ก แม้ว่าจะมีการจัดซุ้มกิจกรรมมากมายให้กับเด็กและครอบครัว แต่ไม่ได้ช่วยเผยแพร่และขับเคลื่อนการใช้ที่นั่งนิรภัยเพื่อความปลอดภัยในเด็กให้กับครอบครัว รวมทั้งรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อได้รับการทดสอบและจัด rating ระดับความปลอดภัยในเด็ก (child safety rating) ทั้งโดย Euro NCAP / ASEAN NCAP แต่ไม่ได้มีการนำประเด็นดังกล่าวมาส่งเสริมการขาย ซึ่งภายหลังที่มีประกาศพระราชกิจจานุเบกษา ได้มีคณะทำงานจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการขับเคลื่อน 4 ประเด็น ได้แก่ ด้านการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ด้านการสร้างความรู้กับผู้ปฏิบัติงาน ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และด้านราคาและการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาต จิตต์เจริญ รองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า กลไกด้านการสร้างความเข้าใจกับประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ควรมีข้อแนะนำให้กับประชาชนในการเลือกซื้อ / ใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่เหมาะสมและปลอดภัย มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนผ่านหน่วยงานต่าง ๆ กระทรวงสาธารณสุขควรให้ความรู้ผ่านโรงพยาบาลทุกแห่ง ภาคธุรกิจรถยนต์ควรมีความรับผิดชอบให้ข้อมูลความปลอดภัยของการโดยสารของเด็กในรถที่จำหน่ายทุกคัน

สำหรับในหญิงตั้งครรภ์มีความสำคัญในการใช้เข็มขัดนิรภัยในการเดินทางเช่นกัน เพราะหมายถึงสองชีวิตทั้งแม่และลูกในครรภ์ การคาดเข็มขัดนิรภัยจะทำให้แม่ที่กำลังตั้งครรภ์และประสบอุบัติเหตุรถยนต์ มีความเสี่ยงลดลงในเรื่องการคลอดก่อนกำหนด ภาวะทารกตายในครรภ์และการเสียชีวิตของแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ วิธีการคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ให้ถูกวิธี คือ ต้องจัดตำแหน่งของสายเข็มขัดนิรภัยที่พาดจากหัวไหล่ให้พาดทแยงตรงกึ่งกลางระหว่างร่องอกลงมาด้านข้างช่องท้องและส่วนสายเข็มขัดนิรภัยที่พาดในแนวนอน ให้จัดสายพาดบริเวณใต้ท้อง หรือพาดจากสะโพกด้านหนึ่งไปยังสะโพกอีกด้าน และอาจใช้ผ้านุ่ม ๆ วาง ก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อลดการเสียดสีได้

ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค (ANCA), ที่ปรึกษานิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  และกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าและบริการ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า คาร์ซีทเป็นเรื่องสิทธิเด็กที่ต้องได้รับการคุ้มครอง กลไกด้านมาตรฐานความปลอดภัยที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กมีความสำคัญ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมควรร่างประกาศการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยจะออกเป็นเครื่องหมายมาตรฐานทั่วไป โดยอ้างอิงตามมาตรฐาน UNR44 และ UNR129  หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่า สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคต้องกำหนดการแสดงฉลาก UNR44 และ UNR129  หรือมาตรฐานสากลอื่นที่เทียบเท่า รวมถึงคำเตือนอื่น ๆ ผู้ขายรถยนต์ต้องให้ข้อมูลความปลอดภัยในเด็กแก่ผู้ซื้อมากกว่านี้ รวมทั้งตลาดที่นั่งนิรภัยที่กำลังเติบโตขึ้นต้องคำนึงถึงมาตรฐาน ควรมีการจัดเตรียมศูนย์ทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ซึ่งทางสภาองค์กรผู้บริโภคจะติดตามการตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ในตลาดต่อไป

เครือข่ายผู้ประกอบการภาคเอกชน ได้แก่ เภสัชกรหญิง ดร.ณัฎฐพร บูรณะบุญวงศ์  บริษัท โกลวี่ สตาร์ จำกัด แบรนด์ GLOWY / บริษัท คิดโด้ เปซิฟิก จก. / บริษัท ธนทรัพย์ภัทรโชค จำกัด /บจก.ไทยเนเจอร์เฮิร์บ จำกัด กล่าวว่า หลักสำคัญในการเลือกและใช้งานคาร์ซีท เพื่อความปลอดภัย ต้องเลือกให้เหมาะกับสรีระของเด็ก คาร์ซีทแต่ละรุ่นจะผ่านการทดสอบมาตรฐานตามช่วงน้ำหนัก หรือส่วนสูงของเด็ก โดยที่มาตรฐาน R44/04 จะใช้น้ำหนักเป็นเกณฑ์ ส่วนมาตรฐานใหม่ R129 จะใช้ส่วนสูงของเด็กเป็นเกณฑ์ ดังนั้น การเลือกคาร์ซีทจำเป็นจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับน้ำหนักและส่วนสูงของเด็ก

ขั้นต่อมาต้องเลือกระบบติดตั้งที่เหมาะกับรถยนต์ ระบบติดตั้งหลักที่มีใช้กันอยู่คือ ระบบติดตั้งด้วยเข็มขัดนิรภัย 3 จุดของรถยนต์ และระบบติดตั้งด้วยไอโซฟิก โดยทั้ง 2 ระบบ ถ้าทำการติดตั้งอย่างถูกต้อง สามารถให้ความปลอดภัยในการใช้งานได้ไม่แตกต่างกัน แต่การติดตั้งด้วยระบบไอโซฟิกจะทำให้การติดตั้งอย่างถูกต้องทำได้ง่ายขึ้นและแน่นหนาขึ้น ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อคาร์ซีทควรตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้งานว่ารองรับการติดตั้งระบบใดได้บ้าง

ขั้นต่อมาต้องใช้งานอย่างถูกต้อง การใช้งานคาร์ซีทอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของเด็ก โดยควรคำนึงถึงตำแหน่งที่นั่งในรถยนต์ ทิศทางการนั่ง และการคาดเข็มขัดนิรภัย ตำแหน่งที่นั่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กคือที่บริเวณเบาะหลัง ทิศทางการนั่งสำหรับเด็กเล็กต้องนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังรถให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เดิมกำหนดว่าเด็กต้องนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังรถจนกระทั่งเด็กมีน้ำหนัก 9 กก. แต่มาตรฐานยุโรปฉบับใหม่แนะนำว่าเด็กต้องนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังรถ จนถึงอายุ 15 เดือน หลังจากนั้นจึงนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้ารถได้ และการคาดเข็มขัดนิรภัย ควรปรับให้ความสูงของสายเข็มขัดพาดไหล่อยู่สูงพอดีกับไหล่เด็ก และดึงกระชับสายเข็มขัดให้พอดีกับตัวเด็กเพียงเท่านี้ลูกเราก็จะเดินทางโดยรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย โดยการฝึกลูกนั่งคาร์ซีทเมื่อต้องเดินทางไกล ถ้าลูกไม่เคยนั่งคาร์ซีทมาก่อนเลย ควรให้ลูกทำความคุ้นเคยกับคาร์ซีท ด้วยการเดินทางระยะทางใกล้ ๆ ก่อน ให้แม่นั่งอยู่ด้วยข้าง ๆ เล่นกับลูก เตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินทางให้พร้อม หากต้องเดินทางเป็นเวลานาน แนะนำให้จอดพักทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลไกด้านการสร้างความรู้กับผู้ปฏิบัติงานนั้น ทางสถาบันฯ และหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนมีแผนร่วมมือในการสร้าง “จิตอาสาคาร์ซีท” มีการจัดการอบรมให้ความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน คนขับรถสาธารณะ แท็กซี่ ฯลฯ เพื่อสร้างผู้ถ่ายทอดความรู้ต่อไป สำหรับกลไกด้านราคาและมาตรการสนับสนุนด้านภาษีนั้น ปัจจุบันภาษีการนำเข้าสินค้าเป็น 0 ราคาถูกลงแล้ว แต่กรมการค้าภายในยังเป็นผู้กำหนดราคาที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในประเทศไทย ส่วนกลไกด้านอื่น ๆ รัฐยังไม่มีมาตรการจัดงบประมาณจากภาครัฐเพื่อสนับสนุนด้านราคาของที่นั่งนิรภัย และสนับสนุนการจัดตั้งธนาคารที่นั่งนิรภัยในจุดบริการเด็กต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล ศูนย์เด็กเล็กและสถานศึกษา ยังไม่มีการสนับสนุนการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ สำหรับในด้านราคาเอง รัฐยังไม่มีนโยบายเฉพาะช่วยผู้มีรายได้น้อย ให้สามารถซื้อที่นั่งนิรภัยได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ รัฐและหน่วยงานภายใต้รัฐควรขับเคลื่อนให้มากกว่านี้เพื่อไม่สร้างภาระอันเกินควรในการออกกฎหมายละเมิดสิทธิตามมาตรา 26 รัฐธรรมนูญ