คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล รับมอบ เครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 ด้วยตัวอย่างน้ำลาย

โครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ ประชุมคณะกรรมการนโยบาย ครั้งที่ 3/2564
September 28, 2021
โครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ ต้อนรับผู้บริหารจาก บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
September 29, 2021

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล รับมอบ เครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 ด้วยตัวอย่างน้ำลาย

วันที่ 27 กันยายน 2564 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รับมอบ เครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 ด้วยตัวอย่างน้ำลาย จากประเทศญี่ปุ่น โดยมี นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เป็นผู้แทนมอบ ภายใต้โครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานคณบดี ชั้น 5 อาคารบริหาร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 ด้วยตัวอย่างน้ำลาย สามารถช่วยคัดกรองการได้รับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยใช้เวลาในการตรวจตัวอย่างน้ำลายที่จัดเก็บไว้เพียง 35 นาที จากเทคนิคที่มีความไว 98% และความจำเพาะ 100% ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการคัดกรอง  และเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้มีในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย จุดเด่นของเครื่องนี้ คือ สามารถทำการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างในแต่ละรอบมากถึง 120 ตัวอย่าง ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยใช้ตัวอย่างจากโพรงจมูกและตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งสามารถทำการเก็บตัวอย่างน้ำลายได้ด้วยตนเอง ลดความเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล จึงเหมาะกับการตรวจคัดกรองในพื้นที่เสี่ยงที่มีคนจำนวนมาก เช่น สถานประกอบการต่างๆ โรงงาน หรือโรงเรียน ตัวอย่างส่งตรวจสามารถเก็บรักษาได้ก่อนตรวจถึง 48 ชั่วโมง และมีราคาที่เข้าถึงได้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทั่วไป ตัวเครื่องฯ นอกจากสามารถรายงานผลการติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 แล้ว ยังมีความสามารถในการแสดงถึงปริมาณเชื้อที่มีอยู่ในแต่ละบุคคลได้ด้วย ซึ่งเมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับอาการทางคลินิกอื่นๆ ของผู้ติดเชื้อ ช่วยให้แพทย์ผู้รักษาสามารถเลือกวิธีการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น