คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ 26/2564 ของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน

มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมสัมมนาออนไลน์ “Medical Device Development Program for Researchers”
July 21, 2021
มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (Research University Network : RUN) ครั้งที่ 2/2564
July 22, 2021

คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ 26/2564 ของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน

tm15

วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล รับฟังผลการดำเนินงานของส่วนงาน (University Council Visit : 2) ครั้งที่ 26/2564 ของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน เพื่อกำหนดเป้าหมายแผนดำเนินการ ปีงบประมาณ 2564 – 2565 และรับฟังถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาและความท้าทายในอนาคต โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วีระพงษ์ ภูมิรัตนประพิณ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน พร้อมด้วยผู้บริหารคณะ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ผ่านการประชุมออนไลน์ โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้

การดำเนินงานตามเป้าหมายที่ผ่านมาและคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

1. เปิดให้บริการห้องปฏิบัติการวิจัยชีวนิรภัย ระดับ 3 หรือ BSL3 ที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง

2. ระบบการเรียนการสอนออนไลน์ ระดับบัณฑิตศึกษา และหลักสูตรอบรมระยะสั้น (Training course) เต็มรูปแบบและพัฒนาหลักสูตรให้ได้รับการรับรองตามเกณฑ์ AUN-QA ระดับอาเซียน เพิ่มอีก 2 หลักสูตร

3. ระบบ Smart Hospital นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการจัดบริการประชาชน ทั้งด้านความสะดวกรวดเร็ว และความปลอดภัย

4. เป็นศูนย์กลางรองรับการเป็น EC Secretariat ของย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (Yo-thi Medical Innovation District: YMID)

5. ปรับหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว ให้สามารถรับแพทย์ชาวต่างชาติมาศึกษาให้หลักสูตรแพทย์ประจำบ้านฯ ดังกล่าวได้

เป้าหมายที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอีก 2 ปีข้างหน้า

1. ปี 2564 วางระบบ เตรียมความพร้อม และปี 2565 เปิดให้บริการห้องปฏิบัติการวิจัยชีวนิรภัย ระดับ 3 หรือ BSL3 ที่มีเทคโนโลยี ความปลอดภัยระดับสูง ให้บริการทั้งบุคลากรภายใน และภายนอกคณะฯ

2. พัฒนาหลักสูตรให้ได้รับการรับรองตามเกณฑ์ AUN-QA ระดับอาเซียน เพิ่มอีก 2 หลักสูตร

3. เพิ่มจำนวนบุคลากรสายวิชาการเสนอขอทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้นปีละ 10% ต่อปี เช่น ทุน NIH, Wellcome Trust, EU, etc.

4. จัดตั้งศูนย์พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคเขตร้อน (IDCTM)

5. ศูนย์วิชาการและวิจัยด้านเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยวของประเทศไทย

ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ซึ่งเป็นต้นแบบให้กับส่วนงานต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม มีผลงานวิจัยจำนวนมาก ตอบโจทย์สังคม และสามารถช่วยประเทศชาติในยามวิกฤตจากสถานการณ์ COVID-19 โดยมีการดำเนินงานที่สอดรับกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) คณะเวชศาสตร์เขตร้อนมีศักยภาพ และความเชี่ยวชาญ มีการพัฒนาและเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทำให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้ง การจัดตั้งศูนย์พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคเขตร้อน (IDCTM) ซึ่งจะผลิตงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ และขอให้คณะฯ ส่งต่อวัฒนธรรมความเป็นเลิศ เพื่อสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่อง การตั้งโจทย์วิจัยจากความต้องการของผู้ใช้งาน (Market-in) และการพยากรณ์การอุบัติของโรค เพื่อสามารถดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้น โดยมหาวิทยาลัยสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายทั้งด้านการศึกษา การวิจัย กฎระเบียบ ที่ประชุมได้เสนอให้คณะฯ เชื่อมโยงข้อมูลด้าน Telemedicine ระหว่างโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนกับโรงพยาบาลระดับท้องถิ่น เพื่อต่อยอดการนำระบบเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน นอกจากนี้ หลังจากช่วง Post Covid-19 ขอให้คณะดำเนินการขยายบริการสุขภาพด้านเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และการจัดทำ Clip เพื่อเผยแพร่ผลงานที่โดดเด่นต่อสังคม และเพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพของคณะฯ