วันที่ 2 เมษายน 2568 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าว ครั้งแรกของโลก ศิริราชสามารถผลิตกระดูกเบ้าสะโพกไทเทเนียมเฉพาะบุคคล ด้วยนวัตกรรมการพิมพ์สามมิติในโรงพยาบาล และใช้ในผู้ป่วยจริงได้สำเร็จ (World First: Siriraj Achieves Breakthrough in Point-of-Care Manufacturing of 3D-Printed Titanium Hip Sockets with Proven Clinical Success) โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระ กลลดาเรืองไกร ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ นายแพทย์กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชษฐา พันธ์เครือบุตร หัวหน้าโครงการฯ บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในงาน ณ ห้องประชุมสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น G โรงพยาบาลศิริราช
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท เมติคูลี่ จำกัด โดยการสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จัดตั้ง บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด ในการพัฒนานวัตกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์สามมิติเฉพาะบุคคล นำมาใช้ร่วมกับกระบวนการวางแผนการผ่าตัดแบบดิจิตอล ในผู้ป่วยโรคข้อสะโพกเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ผิวข้อสะโพกถูกทำลายจากหลายปัจจัย การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ให้ผลการรักษาที่ดี ดังนั้น นวัตกรรมการผลิตสามมิติเฉพาะบุคคลจึงเป็นทางออกที่สำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วย โดยเทคโนโลยีนี้จะสามารถผลิตกระดูกเบ้าสะโพกเทียมที่เฉพาะเจาะจงกับบุคคลนั้น ๆ เพื่อใช้ทดแทนกระดูกเบ้าสะโพกที่แตกหรือสึกกร่อน การนำเทคโนโลยีมาใช้ทางการแพทย์ครั้งนี้ ทำให้การผ่าตัดที่มีความซับซ้อน มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น พร้อมทั้งยังยกระดับวงการแพทย์ให้ก้าวไกลทัดเทียมสากล