Page 19 - MU_4apr63
P. 19
Internationalization
ฐิติรัตน์ เดชพรหม
ม.มหิดล เตรียมพร้อมมุ่งสู่ ๑ ใน ๑๐๐ มหาวิทยาลัยโลก
สร้างบรรยากาศความเป็นนานาชาติ เปิดห้องปฏิบัติการแลกเปลี่ยนวิชาการ
ในการพัฒนาประเทศให้เท่าทันต่อการ ได้ให้ปฏิบัติงานจริงในห้องปฏิบัติการ
เปลี่ยนแปลงโลก การพัฒนางานวิจัยและ ต่างๆ ที่สร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรม
สร้างสรรค์นวัตกรรมถือเป็นภารกิจส�าคัญ ที่มีชื่อเสียงให้กับสถาบันฯ ไม่ว่าจะเป็น
ของสถาบันอุดมศึกษา โดยที่ผ่านมา ทางด้านวัคซีน ธาลัสซีเมีย การวิจัย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ ระบบประสาท ไวรัส แบคทีเรีย และ
วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มีนโยบาย การวิจัยทางด้านอณูชีววิทยาอื่นๆ รวมทั้ง
ที่จะผลักดันให้มหาวิทยาลัยมหิดล เป็น ๑ ห้องปฏิบัติการที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ในมหาวิทยาลัยต้นแบบของประเทศ ให้กับประเทศ ได้แก่ กุ้ง และมันส�าปะหลัง
ที่จะขึ้นไปอยู่ใน ๑ ใน ๑๐๐ อันดับ จากนั้นนักศึกษาจะได้ท�าโครงการวิจัย
มหาวิทยาลัยโลก เล็กๆ และน�าเสนอผลการวิจัยทั้งที่ สถาบัน ตอบโจทย์ และพัฒนาการรักษาให้ดี
สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล ชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัย ยิ่งขึ้นต่อไปได้ในอนาคต โดย Ms. April-
มหาวิทยาลัยมหิดล เป็ นหน่วยงานที่ มหิดล และที่มหาวิทยาลัยในประเทศ iani Nur Puspita Sari ซึ่งเป็นนักศึกษา
ท�ารายได้จากนวัตกรรมเป็นล�าดับต้นๆ อินโดนีเซีย นักศึกษาจะได้ฝึกตั้งโจทย์วิจัย แลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัย Swadaya
ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเกิดจากการผลัก คิดกระบวนการแก้ปัญหา และฝึกท�าวิจัย Gunung Jati ประเทศอินโดนีเซียเช่นกัน
ดันงานวิจัยที่มีการด�าเนินงานอย่างต่อ จริงๆ โดยได้รับการปรึกษาอย่างใกล้ชิด เล่าว่า มีความสนใจในห้องปฏิบัติการ
เนื่องและยาวนานมากว่า ๓๐ ปี ไปสู่การ ซึ่งทางสถาบันฯ ได้จัดมีการฝึกอบรมเสริม ธาลัสซีเมีย เนื่องจากได้เรียนรู้จาก
ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะเรื่อง ทางด้านการเขียนรายงานการวิจัยทาง ข้อมูลทางคลินิกจากผู้ป่วยจริง การตรวจ
วัคซีนเดงกี่ หรือ ไข้เลือดออก ซึ่งตอนนี้ทาง วิทยาศาสตร์ (Scientific Report) ให้อีกด้วย คัดกรองธาลัสซีเมียส�าหรับคู่สมรสที่มี
บริษัทเอกชนที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี Mr.Ulum Nidhamuddin นักศึกษา ความเสี่ยงสูง การวิเคราะห์ดีเอ็นเอเพื่อ
ก�าลังท�าการศึกษาวิจัยในคน และมีแนว แลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัย Swadaya วินิจฉัยผู้ป่วยธาลัสซีเมีย ตลอดจนการ
โน้มที่จะน�าออกไปสู่ตลาดโลก เพื่อช่วย Gunung Jati ประเทศอินโดนีเซีย กล่าว ให้ค�าปรึกษาทางพันธุกรรมแก่ผู้ป่ วย
ป้องกันการติดเชื้อไข้เลือดออก ถึงความมุ่งหมายในการศึกษาดูงานเพื่อ ธาลัสซีเมีย โดยได้มีโอกาสไปฝึ ก
อาจารย์ ดร. นายแพทย์กิตติพงศ์ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชีววิทยาศาสตร์ ภาคสนามที่ คลินิกธาลัสซีเมีย
ไพบูลย์สุขวงศ์ ผู้ช่วยผู้อ�านวยการฝ่าย โมเลกุล ได้แก่ การตรวจสอบความผิดปกติ โรงพยาบาลนครปฐม โดยมีวิทยากร
พัฒนานวัตกรรม สถาบันชีววิทยาศาสตร์ ทางพันธุศาสตร์โดยการวิเคราะห์ PCR ผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันชีววิทยาศาสตร์
โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าว การออกแบบยาในระดับโมเลกุลถึงโรค โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล คอยอธิบาย
ถึงนโยบายในการสร้างสิ่งแวดล้อม เฉพาะทาง เทคนิคทางโมเลกุล/ไวรัสวิทยา เกี่ยวกับพยาธิสภาพของผู้ป่วย อาการทาง
ที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์งานวิจัยและ ซึ่งมหาวิทยาลัย Swadaya Gunung Jati คลินิก ลักษณะทางพันธุกรรม และการดูแล
นวัตกรรมของสถาบันฯ โดยมองไปถึง ก�าลังมีการพัฒนาห้องปฏิบัติการทาง รักษาผู้ป่วย ตลอดจนให้ค�าปรึกษาอย่าง
ตัวชี้วัดในการจัดอันดับมหาวิทยาลัย พันธุกรรม โดยส่วนตัวประทับใจการปฏิบัติ ใกล้ชิด ซึ่งตลอดระยะเวลาของโครงการฯ
โลกในด้านความเป็ นนานาชาติ การเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์และไวรัส เนื่องจาก มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย รู้สึกประทับใจใน
(Internationalization) ซึ่งที่ผ่านมา ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสวิทยา ความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีและอาจารย์
สถาบันฯ ได้มีการลงนามความร่วมมือ ได้รู้จักกับการติดเชื้อไวรัสที่พบมาก ที่มีคุณภาพ คิดว่ามหาวิทยาลัยมหิดล
ทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยในประเทศ ที่สุดในชีวิตประจ�าวัน ได้ฝึ กการระบุ มีศักยภาพพร้อมที่จะเป็นมหาวิทยาลัย
อินโดนีเซีย ๒ มหาวิทยาลัย ในการแลก และวิเคราะห์ทางไวรัสวิทยา ศึกษา ระดับโลก และหวังว่าในอนาคตจะได้
เปลี่ยนนักศึกษา โดยได้เปิดให้นักศึกษา แนวโน้มของปัญหาการติดเชื้อไวรัส กลับมาอีกเพื่อศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย
ทางการแพทย์จากประเทศอินโดนีเซียมา ที่ท้าทายในอนาคต ตลอดจนการ มหิดล
ศึกษาดูงานเป็นเวลาอย่างน้อย ๔ สัปดาห์ พัฒนาวัคซีนที่เกี่ยวข้อง โดยหวังจะ “งานวิจัยในยุคปัจจุบันไม่อาจมุ่งเน้น
ที่สถาบันฯ เพื่อเพิ่มบรรยากาศความเป็น น�าประสบการณ์ความรู้และทักษะใหม่ๆ แค่งานวิจัยพื้นฐานแต่เพียงอย่างเดียว
นานาชาติ โดยในปีที่ผ่านๆ มาได้จัดให้ ไปประยุกต์ใช้ต่อไป ซึ่งประสบการณ์ต่างๆ แต่จะต้องท�างานวิจัยเพื่อสร้างสรรค์
มีกิจกรรม ๓ ช่วง คือ เดือนมกราคม ที่ได้รับจากโครงการฯ นั้นมีประโยชน์ทั้งต่อ นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของ
กรกฎาคม และพฤศจิกายน ตัวเองและมหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง สังคม และประเทศชาติ โดยเรามองไปถึง
อาจารย์ ดร. นายแพทย์กิตติพงศ์ “ธาลัสซีเมีย” เป็นโรคที่มักพบใน ร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนางาน
ไพบูลย์สุขวงศ์ กล่าวต่อไปว่า ปกติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพบ วิจัยของเราให้ไปสู่ระดับความเป็นสากล
นักศึกษาแพทย์ที่มาดูงานจะยังไม่มีพื้นฐาน มากทั้งในประเทศไทย และอินโดนีเซีย มากขึ้น และน�าองค์ความรู้นั้นไปช่วย
ทางด้านงานวิจัย เพราะฉะนั้นเราจึงปูพื้น จากการแลกเปลี่ยนวิชาการท�าให้เรา แก้ไขปัญหาของระดับชาติและนานาชาติ
ให้ก่อนในสัปดาห์แรกที่มาถึงว่า งานวิจัย ได้องค์ความรู้ใหม่ๆ ว่า พยาธิสภาพ ได้ด้วย” อาจารย์ ดร. นายแพทย์กิตติพงศ์
ทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร โดยสอนให้ ของโรคในคนไข้ที่ยังได้รับการรักษา ไพบูลย์สุขวงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
รู้จักการใช้เครื่องมือ และเทคนิคพื้นฐาน ที่ไม่เหมาะสมเป็ นอย่างไร หากได้รับ
ต่างๆ ทางชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล ตลอดจน ยาตัวใหม่ๆ จะเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วย * ขอขอบคุณภาพจาก MB
มหิดลสาร ๒๕๖๓ 19