Page 12 - MU_10Oct62
P. 12

Special Article
             ดร.ดวงหทัย บูรณเจริญกิจ
             สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
             พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์
                        แนวคิดสตรีนิยมและขบวนการทางสังคมของผู้หญิงในประเทศไทย:
                               วิเคราะห์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้อถกเถียงและยุทธศาสตร์

                  สังคมไทยมีกำรถกเถียงเรื่องสิทธิสตรี                                     นิยมที่ให้ควำมสนใจกับ
               กันก่อนมีขบวนกำรสตรีนิยมแบบจัดตั้ง และเมื่อ                                    ประสบกำรณ์ชีวิตของ
               รับกระแสสตรีนิยมเข้ำมำ  ทั้งในฐำนะที่เป็น                                  ผู้หญิงและเพศที่เป็น
               แนวควำมคิด (ideologies) และในฐำนะ                                          ชนกลุ่มน้อยในบริบท
               ขบวนกำรขับเคลื่อนทำงสังคม (movements)                                      สังคม-กำรเมืองที่ศึกษำ
               ก็ได้สร้ำงกำรเปลี่ยนแปลงทำงสังคมในหลำย                                     เพื่อส�ำรวจประสบกำรณ์
               แนวทำง แต่กระนั้น ค�ำว่ำ “สตรีนิยม” หรือ                                   (experiences) ควำม
               “เฟมินิสต์” ก็เป็นค�ำที่ไม่ได้นิยมใช้กันจำก                                คิด (ideas) แรงจูงใจ
               คนทั่วไป รวมทั้งคนที่ท�ำงำนเพื่อควำมเสมอ                                   (incentives) งำนและ
               ภำคระหว่ำงเพศ นอกจำกนี้ กำรรวมตัวเป็น                                                                                ควำมริเริ่มสร้ำงสรรค์
               กลุ่มสตรีนักกิจกรรมทำงสังคมที่ใช้ฐำนคิดสตรี                                (works and initiatives)
               นิยมเพื่อกำรขับเคลื่อนงำนสร้ำงควำมเป็น                                     ของผู้หญิงในกำรน�ำเสียง
               ธรรมทำงสังคมก็ไม่ได้จ�ำกัดอยู่เฉพำะองค์กร จะน�าพาความแข็งขันของผู้หญิงในการ (voices) ประเด็น (issues) ข้อเรียกร้อง
               สตรีที่มีวำระเพื่อส่งเสริมสิทธิสตรีและควำม มีส่วนร่วมทางการเมืองที่ต่อสู้เพื่อปกป้อง  (demands)และวำระ (agenda) ของผู้หญิง
               เสมอภำคระหว่ำงเพศเท่ำนั้นหำกขยำยตัว วิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม สันติภาพ และการ เข้ำสู่พื้นที่สำธำรณะทั้งในและนอกระบบ
               ไปสู่ประเด็นทำงสังคมและกำรเมืองมำกขึ้น  พัฒนาที่ยั่งยืน มาใช้เพื่อหนุนเสริมเกิด กำรเมือง
                  ควำมท้ำทำยของงำนสร้ำงควำมเป็น เป็นพลังใหม่ ด้วยการน�าแนวคิดสตรี  งำนเขียนบทควำมชิ้นนี้ ผู้เขียนได้รับ
               ธรรมทำงเพศในอนำคต คือ กำรขยำยเส้น นิยมมาอธิบายประเด็นปัญหาที่ผู้หญิง โอกำสในกำรท�ำงำนจำกมูลนิธิฟรีดริช
               ขอบฟ้ำของกำรท�ำงำน ที่ต้องท�ำควบคู่กันไป เผชิญ ทั้งในระดับปัจเจกและระดับกลุ่ม  เอแบร์ท ซึ่งมีคุณค่ำอย่ำงยิ่ง งำนชิ้นนี้ท�ำให้
               ระหว่ำง ด้ำนหนึ่ง คือ กำรสร้ำงควำมเข้ำใจ ยกระดับขึ้นมาเป็นวาระทางการเมือง  ผู้เขียนได้ตระหนักถึงควำมยำกล�ำบำกของ
               และยอมรับถึงสิทธิมนุษยชนของสตรี ด้วย เพื่อสร้ำงจุดคำนงัดของกำรเปลี่ยนแปลงที่มี ผู้หญิงและเพศหลำกหลำยที่ยังต้องเผชิญ
               กำรรื้อถอนมำยำคติอันเกิดจำกกำรประกอบ นัยทำงกำรเมืองได้อย่ำงไร ท�ำอย่ำงไรจึงจะ อยู่ในปัจจุบัน และยิ่งท�ำให้ผู้เขียนตระหนัก
               สร้ำงเพศสภำพของสังคม กับอีกด้ำน คือ กำร สำมำรถพัฒนำไปสู่กำรวำงยุทธศำสตร์ เพื่อ ถึงคุณูปกำรและควำมอุตสำหะพยำยำมของ
               สร้ำงควำมเป็นธรรมในกำรเข้ำถึงทรัพยำกร ผลักดันกำรเปลี่ยนแปลงทำงสังคมกำรเมือง ผู้หญิงในประวัติศำสตร์และในปัจจุบันสมัยทั้ง
               และอ�ำนำจ ด้วยกำรปลดแอกผู้หญิงออก ที่ถูกครอบง�ำด้วยระบบและมำตรฐำนที่ถูก จำกภำคองค์กรพัฒนำเอกชน ภำคขบวนกำร
               จำกควำมสัมพันธ์ทำงอ�ำนำจทำงกำรเมือง สร้ำงขึ้นจำกค่ำนิยมควำมเป็นชำย ให้มีแนว เคลื่อนไหวทำงสังคมไทย ภำควิชำกำร
               และเศรษฐกิจที่เบียดขับผู้หญิงจำกกำรเข้ำ นโยบำยและแนวทำงปฏิบัติที่มีควำมสมดุล และภำคกำรเมืองที่มีมำอย่ำงไม่ขำดสำย
               ถึงอ�ำนำจตัดสินใจที่จะก�ำหนดชะตำกรรมของ ทำงอ�ำนำจมำกขึ้น เพื่อรับมือกับควำมท้ำทำย อันได้ สั่งสมแรงกระเพื่อมและกำร
               ตนเอง ค�าถามที่ยังต้องการพลังความคิด ที่ผู้หญิงกลุ่มต่ำงๆ  ก�ำลังเผชิญอยู่เพื่อสร้ำง เปลี่ยนแปลงทำงสังคมด้วยวิธีกำรและ
               ในการร่วมกันหาทางออกในอนาคต คือ  สังคมที่เป็นธรรมต่อไป        รูปแบบต่ำงๆ  ท�ำให้ผู้หญิงในปัจจุบันนี้
               ในขณะที่ขบวนการสตรีนิยมได้สั่งสมทั้ง  บทควำมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส�ำรวจ มีสถำนภำพและโอกำส    ที่จะก�ำหนด
               ในด้านความส�าเร็จและบทเรียน มาตลอด พัฒนำกำรสตรีนิยมและขบวนกำรขับเคลื่อน ชะตำชีวิตของตนเองเพิ่มขึ้นเป็นล�ำดับ
               หลายทศวรรษที่ผ่านมา ประกอบกับช่อง ทำงสังคมของผู้หญิงไทย ในกำรสร้ำงควำม ** ท่ำนสำมำรถอ่ำนบทควำมฉบับเต็มได้ที่
               ทางทางกฎหมายที่มีความตื่นตัวเรื่องสิทธิ เป็นธรรมระหว่ำงเพศจำกอดีตสู่บริบทร่วม http://library.fes.de/pdf-files/bueros/
               มนุษยชนและสิทธิชุมชนของประชาชน  สมัยในปัจจุบัน โดยใช้วิธีศึกษำแบบสตรี thailand/13364-20170526.pdf


                                      “กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่”

               ณัฐจีรา ทองเจริญชูพงศ์
               นักวิจัยโครงการ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
                  หลำยๆ คนคงเคยได้ยินส�ำนวน “กินคาวไม่ ข้อมูลในพื้นที่ต่ำงๆ เมื่อกินข้ำวเสร็จแล้วจะ การบริโภคเครื่องดื่มที่มีรสหวานของคนไทย
               กินหวานสันดานไพร่” นี้มำบ้ำง โดยส�ำนวนนี้ ต้องหยิบยกส�ำนวนนี้ออกมำกล่ำวอ้ำง และ ภายหลังการออกมาตรการเก็บภาษีสรรพ
               เกิดมำสมัยโบรำณที่ “น�้ำตำล” เป็นวัตถุดิบ ร�่ำร้องหำของหวำนหรือน�้ำหวำน จ�ำพวกชำ  สามิตในเครื่องดื่มที่มีรสหวาน พ.ศ. ๒๕๖๑
               หำยำกมีรำคำแพง ดังนั้นอำหำรและขนมที่ กำแฟตำมปั๊มน�้ำมัน หรือไม่แวะตำมร้ำนขำย ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม
               ใช้น�้ำตำลในกำรปรุงจึงท�ำกันเฉพำะในรั้วใน ของช�ำในหมู่บ้ำน และกลับออกมำด้วยกำรหิ้ว ม.มหิดล พบว่า กลุ่มวัยท�างานตอนต้น
               วังและในครัวของบ้ำนเหล่ำขุนนำงชนชั้นสูง  ถุงน�้ำ หรือแก้วออกมำทุกครั้งไป    อายุ ๑๕-๒๙ ปี มีการบริโภคน�้าตาลที่มา
               เวลำตั้งส�ำรับอำหำร จะมีทั้งส�ำรับของคำว  แต่ในขณะนี้ น�้ำตำลกลำยเป็นสิ่งที่หน่วย จากเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากที่สุด ๑๒.๘
               และตำมด้วยส�ำรับของหวำน จนมีค�ำพูด งำนที่มีหน้ำที่เกี่ยวข้อง พยำยำมผลักดัน ช้อนชาต่อวัน โดยเกินกว่าปริมาณที่ควร
               ติดปำกตำมมำว่ำ “กินของหวานล้างปาก”  นโยบำยกำรเก็บภำษีในเครื่องดื่มที่มีน�้ำตำล ได้รับถึง ๒ เท่าตัว สัดส่วนนี้เป็นแค่กำร
               ในขณะที่ประชำชนคนทั่วไปกินเพียงอำหำร เกินปริมำณที่ก�ำหนด ให้ด�ำเนินกำรอย่ำงต่อ บริโภคที่มำจำกเครื่องดื่มเท่ำนั้น ยังไม่รวมถึง
               คำวให้อิ่มท้องเป็นมื้อๆ ในแต่ละวันเท่ำนั้น  เนื่อง และให้ประเทศมีกฎหมำยควบคุมกำร กำรบริโภคอำหำรอื่นๆ ในชีวิตประจ�ำวัน ซึ่งเกิน
               ไม่มีโอกำสได้ลิ้มชิมรสขนมหวำนต่ำงๆ   แม้ โฆษณำอำหำรและเครื่องดื่มที่มีน�้ำตำลสูงที่ จำกสัดส่วนที่องค์กำรอนำมัยโลกแนะน�ำว่ำ
                                        1
               กระทั่งทีมงำนของผู้เขียนเองเวลำออกไปเก็บ มุ่งเป้ำไปยังเด็ก จากการส�ารวจพฤติกรรม ส�ำหรับผู้ที่ต้องกำรพลังงำน ๑,๖๐๐ กิโล

   12     October 2019                                            M • Master A • Altruism H • Harmony I • Integrity D • Determination O • Originality L • Leadership
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17