Page 30 - MU_6June64
P. 30
30 มหิดลสาร ๒๕๖๔ June 2021
ความรับผ่ิดทึางแพ่งและอาญาจัากการกระทึำาอันเป็นเหิตุใหิ้ผ่้้
อื�นติดเช่ื�อไวรัส COVID-19
โดย นำยวัช้รพงศ์ พิพิธพรรณพงศ์ นิติกร (ผู่้ช้�ำนำญกำรพิเศษ) กองกฎหมำย
นับตั�งแต่เช้ื�อไวรัส COVID-19 มีกำรแพร่ระบำดอย่ำงรุนแรง ทดแทนที�ว่ำนี� มีมำกมำยหลำยประเภท เช้่น ค่ำเสียควำมสำมำรถ
ก็ได้สร้ำงควำมเดือดร้อนเสียหำยให้แก่มนุษยช้ำติไปทุกหย่อมหญ้ำ ประกอบกำรงำนตำมมำตรำ ๔๔๔ ค่ำข้ำดไร้อุปกำระตำมมำตรำ
โดยไม่แบ่งแยกว่ำจะเป็นคนรวย หรือคนจน คนช้รำ หรือว่ำคน ๔๔๓ เป็นต้น
หนุ่มสำว ทั�งควำมเดือดร้อนเสียหำยทำงด้ำนเศรษฐกิจ สุข้ภำพ ในทางอาญี่า สำมำรถแยกพิจำรณำเป็นสองกรณี กรณีที� ๑
อนำมัย กำรศึกษำ และอื�นๆ อีกมำกมำย ในป้จจุบันประเทศไทย คือ การื่แพรื่�เช่�อโดยเจตนา กรณีที� ๒ คือ การื่แพรื่�เช่�อโดยปรื่ะมาท
ก็ได้พบกับข้่ำวผู่้เสียช้ีวิตจำกเช้ื�อไวรัส COVID-19 เกินกว่ำร้อยรำย การื่แพรื่�เช่�อโดยเจตนา มาตรื่า ๒๙๕ แห�งปรื่ะมวลกฎหมาย
แล้ว ซีึ�งส่งผ่ลให้ทุกภำคส่วนต่ำงเร่งท�ำงำนกันอย่ำงหนักหน่วง อาญี่า ได้บัญี่ญี่ัต่ไว้ว�า “ผ่่้ใดทำารื่้ายผ่่้อ่�น จนเป็นเหตุให้เก่ดอันตรื่าย
เพื�อที�จะยับยั�งกำรแพร่ระบำดข้องเช้ื�อไวรัส COVID-19 ให้ได้โดย แก�กายหรื่่อจ่ตใจของผ่่้อ่�นนั�น ผ่่้นั�นกรื่ะทำาความผ่่ดฐิานทำารื่้าย
เร็ว ในส่วนข้องต่ำงประเทศ เมื�อไม่กี�สัปดำห์ที�ผ่่ำนมำนี� ประช้ำกร รื่�างกาย……” ดังนั�น สิ�งแรกที�จะต้องพิจำรณำตำมมำตรำนี� คือ ผู่้แพร่
โลกก็ต้องพบกับข้่ำวที�สร้ำงควำมตกตะลึงเป็นอย่ำงมำกเช้่นกัน เช้ื�อได้กระท�ำกำรอย่ำงหนึ�งอย่ำงใดโดยมีเจตนำที�จะท�ำร้ำยร่ำงกำย
เม่�อสิ่่�อต�างๆ ได้รื่ายงานว�าปรื่ะเทศิในแถบทว่ปยุโรื่ปม่ชายคน ผู่้อื�นด้วยกำรแพร่เช้ื�อหรือไม่ เช้่น ผู่้แพร่เช้ื�อรู้ว่ำตนเป็นผู่้ที�ได้รับ
หน่�งตกเป็นผ่่้ต้องสิ่งสิ่ัยในการื่ตั�งใจแพรื่�เช่�อไวรื่ัสิ่ COVID-19 ให้ กำรติดเช้ื�อแล้ว และได้กระท�ำกำรไอ จำม หรือท�ำกำรแพร่เช้ื�อ
แก�ผ่่้อ่�นจนเป็นเหตุให้ม่ผ่่้ได้รื่ับเช่�อจากชายคนดังกล�าวแล้วจำานวน ด้วยวิธีกำรอื�นใดแก่ผู่้อื�นโดยมีเจตนำ เพื�อให้ผู่้อื�นติดเช้ื�อจำกตน
มาก ซึ่่�งสิ่วนทางกับมวลมนุษยชาต่ท่�ต�างก็ต้องการื่ให้การื่แพรื่� จนเป็นเหตุให้เกิดกำรติดเช้ื�อข้ึ�น เช้่นนี�ก็อำจเข้้ำข้่ำยเป็นผู่้กระท�ำ
รื่ะบาดของเช่�อไวรื่ัสิ่ COVID-19 ยุต่ลง ผู่้เข้ียนจึงเกิดค�ำถำมข้ึ�น ควำมผ่ิดอำญำฐำนท�ำร้ำยร่ำงกำยผู่้อื�นได้ ตำมมำตรำ ๒๙๕ นี�
มำว่ำ หำกเหตุกำรณ์นี�เกิดข้ึ�นในประเทศไทย ผู่้ที�ตั�งใจแพร่เช้ื�อไวรัส ซีึ�งมีโทษจำาคุกไม�เก่นสิ่องปี หรื่่อปรื่ับไม�เก่นสิ่่�หม่�นบาท หรื่่อทั�ง
COVID-19 หรืออำจไม่ตั�งใจ เพียงแต่ประมำทเท่ำนั�น จะต้องรับผ่ิด จำาทั�งปรื่ับ แต่ถ้ำหำกกำรแพร่เช้ื�อดังกล่ำวมีเจตนำฆ่่ำผู่้อื�น กล่ำว
ตำมกฎหมำยอย่ำงไร ทั�งนี� เพื�อที�จะเยียวยำผู่้ที�ได้รับควำมเดือดร้อน คือ รู้ข้้อเท็จจริงที�เป็นองค์ประกอบข้องควำมผ่ิดว่ำ ตนเป็นผู่้ที�ได้
เสียหำยจำกกำรกระท�ำดังกล่ำว และเพื�อเป็นกำรป้องปรำมมิให้ รับกำรติดเช้ื�อแล้ว และรู้ว่ำผู่้ที�จะถูกแพร่เช้ื�อนั�น เป็นผู่้สูงอำยุ หรือ
เกิดกำรกระท�ำในลักษณะเดียวกันนี� ผู่้เข้ียนจึงได้ศึกษำค้นคว้ำ มีโรคประจ�ำตัวที�เป็นอันตรำยถึงช้ีวิตหำกติดเช้ื�อ เช้่น เบำหวำน
กฎหมำยหลักข้องประเทศไทยในเบื�องต้นจ�ำนวน ๒ ฉบับ ที�มีควำม ควำมดันโลหิต หรือโรคหัวใจ เป็นต้น และได้กระท�ำกำรไอ จำม
เกี�ยวข้้องกับช้ีวิตประจ�ำวันและกำรควบคุมพฤติกรรมข้องประช้ำช้น หรือท�ำกำรแพร่เช้ื�อด้วยวิธีกำรอื�นใดแก่ผู่้อื�นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่
ให้สำมำรถอยู่ร่วมกันได้อย่ำงสงบเรียบร้อย นั�นคือประมวลกฎหมำย ควำมตำยจำกกำรติดเช้ื�อข้ึ�น ก็อำจเข้้ำข้่ำยเป็นผู่้กระท�ำควำมผ่ิด
แพ่งและพำณิช้ย์ และประมวลกฎหมำยอำญำ โดยสำมำรถสรุป อำญำฐำนฆ่่ำผู่้อื�น ตามมาตรื่า ๒๘๘ ท่�บัญี่ญี่ัต่ว�า “ผ่่้ใดฆ่�าผ่่้อ่�น
รำยละเอียดได้ดังนี� ต้องรื่ะวางโทษปรื่ะหารื่ช่ว่ต จำาคุกตลอดช่ว่ต หรื่่อจำาคุกตั�งแต�
ในทางแพ�ง มาตรื่า ๔๒๐ แห�งปรื่ะมวลกฎหมายแพ�งและ สิ่่บห้าปีถ่งย่�สิ่่บปี”
พาณ่ชย์ ได้บัญี่ญี่ัต่เอาไว้อย�างชัดเจนว�า “ผ่่้ใดจงใจหรื่่อปรื่ะมาท การื่แพรื่�เช่�อโดยปรื่ะมาท มาตรื่า ๓๙๐ แห�งปรื่ะมวลกฎหมาย
เล่นเล�อ ทำาต�อบุคคลอ่�นโดยผ่่ดกฎหมายให้เขาเสิ่่ยหายถ่งแก� อาญี่า ได้บัญี่ญี่ัต่ไว้ว�า “ผ่่้ใดกรื่ะทำาโดยปรื่ะมาท และการื่กรื่ะทำา
ช่ว่ตก็ด่ แก�รื่�างกายก็ด่ อนามัยก็ด่ เสิ่รื่่ภาพก็ด่ ทรื่ัพย์สิ่่น หรื่่อ นั�นเป็นเหตุให้ผ่่้อ่�นรื่ับอันตรื่ายแก�กายหรื่่อจ่ตใจ……” ดังนั�น สิ�งแรก
สิ่่ทธ์่อย�างหน่�งอย�างใดก็ด่ ท�านว�าผ่่้นั�นทำาละเม่ดจำาต้องใช้ค�า ที�จะต้องพิจำรณำตำมมำตรำนี� คือ ผู่้แพร่เช้ื�อได้กระท�ำกำรอย่ำง
สิ่่นไหมทดแทนเพ่�อการื่นั�น” ดังนั�น เมื�อมีกำรแพร่เช้ื�อให้แก่ผู่้อื�น หนึ�งอย่ำงใดโดยประมำทเป็นเหตุให้ผู่้อื�นติดเช้ื�อจำกตนหรือไม่
จนเป็นเหตุให้เกิดกำรติดเช้ื�อข้ึ�น สิ�งแรกที�จะต้องพิจำรณำตำม
มำตรำนี� คือ ผู่้แพร่เช้ื�อมีควำมจงใจ หรือประมำทเลินเล่อที�จะกระท�ำ
กำรแพร่เช้ื�อ หรือไม่ เช้่น ผู่้แพร่เช้ื�อรู้หรือควรรู้ว่ำ ตนเป็นผู่้ที�ได้
รับกำรติดเช้ื�อแล้ว หรืออำจเป็นกลุ่มเสี�ยงที�จะติดเช้ื�อ แต่ไม่สวม
หน้ำกำกอนำมัย หรือหน้ำกำกผ่้ำ ไม่เว้นระยะห่ำง ไม่กักตัว รวมถึง
ไม่ปฏิิบัติตำมแนวทำงกำรดูแลสุข้อนำมัยส่วนบุคคลต่ำงๆ เพื�อ
ป้องกันและลดกำรแพร่เช้ื�อ กลับกระท�ำกำรที�ท�ำให้ผู่้อื�นได้รับกำร
ติดเช้ื�อจำกตน เช้่นนี�ก็อำจเข้้ำข้่ำยเป็นผู่้ที�มีควำมจงใจ หรือประมำท
เลินเล่อท�ำต่อผู่้อื�นโดยผ่ิดกฎหมำยให้เข้ำเสียหำยแก่ช้ีวิต ร่ำงกำย
อนำมัย เสรีภำพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่ำงหนึ�งอย่ำงใด ซีึ�งจะต้อง
ช้ดใช้้ค่ำสินไหมทดแทนตำมมำตรำ ๔๒๐ ดังกล่ำว โดยค่ำสินไหม
มุมกฎหมาย์