Page 26 - MU_5May63
P. 26
มุมกฎหมาย
สุนิสา ปริพฤติพงศ์
เวชระเบียนสูญหายผู้ใดต้องรับผิด
“เวชระเบียน” หลายท่านคงทราบว่า ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ขอให้ ปล่อยปละละเลยให้เวชระเบียนผู้ป่วยใน
เวชระเบียนคืออะไร แต่อาจมีบางท่านยังไม่ โรงพยาบาลส่งมอบต้นฉบับ หรือส�าเนาเวช ของผู้ฟ้องคดีทั้งสองฉบับพ้นไปจากความ
ทราบ ในเมื่อบทความนี้จะกล่าวถึงเวชระเบียน ระเบียนทั้งหมดให้ ผู้ฟ้องคดี เพื่อการตรวจ ครอบครอง ในลักษณะต่างกรรมต่างวาระกัน
ก็จะพูดถึงเวชระเบียนกันก่อนว่า เวชระเบียน สอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่โรงพยาบาลได้ ส่งผลให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจได้รู้ข้อมูลข่าวสาร
เป็นเอกสารที่โรงพยาบาลต่างๆ จัดท�าขึ้น และ ส่งมอบส�าเนาเอกสารบางส่วนที่ผู้ฟ้องคดีเห็น ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนที่ปรากฏอยู่ในเวช
อยู่ในความครอบครอง หรือควบคุมดูแลเพื่อ ว่าไม่มีความส�าคัญ และโรงพยาบาลชี้แจงต่อ ระเบียนผู้ป่วยในอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนตาม
ประโยชน์ในทางการแพทย์ และใช้เป็นข้อมูล ผู้ฟ้องคดีว่าเวชระเบียนผู้ป่วยในทั้งสองครั้ง พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
ในการวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยต่อไป หรือใช้ สูญหาย จึงไม่สามารถด�าเนินการตามค�าร้อง พ.ศ. ๒๕๔๐ จึงถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่
เพื่อการศึกษาวิจัย รวมทั้งเวชระเบียนยังเป็น ขอได้ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าโรงพยาบาลจงใจไม่ ตามที่กฎหมายก�าหนดให้ต้องปฏิบัติ และด้วย
เอกสารที่ได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัว ส่งมอบหลักฐานดังกล่าวให้แก่ผู้ฟ้องคดีจึง เหตุที่เวชระเบียนดังกล่าวสูญหายไป จึงเป็นการ
ของผู้ป่วยเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ วิธีการรักษา ร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการคุ้มครอง กระท�าละเมิดต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
และรายงานทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับตัวผู้ป่วย ผู้บริโภค ประจ�าสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อ ซึ่งเป็นสิทธิที่ได้รับการรับรอง และคุ้มครอง
แต่ละราย ดังนั้นเวชระเบียนจึงเป็นข้อมูล วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ผู้อ�านวยการ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ
ข่าวสารราชการในลักษณะข้อมูลข่าวสาร โรงพยาบาลชี้แจงต่อที่ประชุมว่าโรงพยาบาล เมื่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
ส่วนบุคคลส�าหรับผู้ป่วย ตามพระราชบัญญัติ พยายามติดตามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ค้นหาไม่ ของผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย โดยสูญเสีย
ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ พบ และมิได้มีเจตนาจะมิให้เวชระเบียนผู้ป่วย โอกาสในการปกปักรักษาประโยชน์ของตน
มาตรา ๔ ในเมื่อเวชระเบียนเป็นข้อมูลข่าวสาร ในแก่ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด ต่อมาผู้ฟ้องคดีมี ถือว่าเป็นการกระท�าละเมิดที่มีสภาพขัดแย้ง
ส่วนบุคคลและเป็นเอกสารส�าคัญทางการ หนังสือฉบับลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่าง
แพทย์ของผู้ป่วย ใครจะต้องมีหน้าที่ในการ ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ชัดแจ้ง ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ผู้ถูก
เก็บรักษา ? ของราชการ โดยคณะกรรมการข้อมูลข่าว ฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายเป็นจ�านวนเงิน
ค�าตอบคือ โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ สารฯ ได้สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา
ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเวชระเบียน และเจ้า โรงพยาบาลได้แจ้งความเอกสารดังกล่าวสูญหาย ร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันฟ้องคดีเป็นต้นไป
หน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยจะต้องมีหน้าที่ ไว้แล้ว จึงเชื่อว่าข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเวช จนกว่าจะช�าระเสร็จ
ดูแลและเก็บรักษาเอกสารเวชระเบียน รวม ระเบียนผู้ป่วยใน ทั้งสองฉบับของผู้ฟ้องคดี คดีดังกล่าวศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย
ทั้งให้ความสนใจเกี่ยวกับสิทธิของผู้ป่วย ไม่อยู่ในความครอบครองของโรงพยาบาล จ�านวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท มิใช่เพียงเพราะ
และการใช้สิทธิขอส�าเนาเอกสารเวชระเบียน ผู้ฟ้องคดีจึงน�าคดีไปฟ้องต่อศาลแพ่งธนบุรี เวชระเบียนซึ่งเป็นเอกสารจ�านวนไม่กี่แผ่น
ผู้ป่วยตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ โดยขอให้ สูญหายไป แต่เป็นค่าสินไหมทดแทนในผล
ราชการ หากมีการสูญหายจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ศาลมีค�าพิพากษา ให้โรงพยาบาลส่งมอบ แห่งการกระท�าละเมิดต่อสิทธิของผู้ป่วยใน
ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นและศาลได้มีค�าวินิจฉัยไว้ เวชระเบียนผู้ป่วยใน ทั้งสองฉบับของผู้ฟ้อง การรับรู้ข้อมูลการรักษาจากโรงพยาบาล และ
แล้ว โดยคดีดังกล่าวน่าสนใจ และเป็นกรณี คดี และหากไม่สามารถส่งมอบเวชระเบียนได้ ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนชาวไทย
ศึกษา หรือเป็นอุทาหรณ์ในเรื่องเวชระเบียนผู้ ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี ต่อมาศาล ทุกคนได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติ
ป่วยสูญหาย ซึ่งถือเป็นการกระท�าละเมิดต่อ แพ่งธนบุรีได้มีค�าสั่งจ�าหน่ายคดีออกจาก ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผู้ป่วย
สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล และ สารบบความเพื่อให้ไปฟ้องร้องยังเขตศาล ทุกคนจึงควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล
หน่วยงานต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ที่มีอ�านาจเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๘ ดังกล่าวได้โดยไม่ยาก และถือเป็นหน้าที่ของ
ในผลแห่งการกระท�าละเมิดดังกล่าว คดีมีข้อ ผู้ฟ้องคดีจึงน�าคดีไปฟ้องต่อศาลปกครอง โรงพยาบาลที่จะต้องอ�านวยความสะดวกแก่
เท็จจริงสรุปได้ดังนี้ กลางเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ผู้ป่วยในการรับทราบข้อมูลข่าวสารดังกล่าว
ผู้ฟ้องคดี (ในที่นี้หมายถึงผู้ป่ วย) ประเด็นของการฟ้องคดีดังกล่าวเป็น รวมถึงผู้ฟ้องคดีได้รับความยากล�าบากในการ
ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยครั้งแรกเมื่อ เพราะโรงพยาบาลในฐานะผู้ครอบครอง ติดตาม และต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างทนายความ
เดือนธันวาคม ๒๕๔๒ ณ โรงพยาบาลที่เป็น และดูแลรักษาเวชระเบียน ได้กระท�า ไปร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ เพียงเพื่อ
สถานพยาบาลอยู่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดี ละเมิดไม่สามารถส่งมอบเวชระเบียน เข้าถึงข้อมูลการรักษาของตน จึงเป็นผล
ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยโรงพยาบาลดัง ทั้งหมดให้ผู้ฟ้องคดีได้ คดีนี้ศาลปกครอง โดยตรงจากความบกพร่องของระบบการ
กล่าวได้รับตัวผู้ฟ้องคดีไว้รักษาอาการเป็นผู้ สูงสุดได้พิจารณา และวินิจฉัยว่า เป็นคดี ให้บริการประชาชนของโรงพยาบาล
ป่วยในจ�านวนสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๑ พิพาทเกี่ยวกับการกระท�าละเมิดของหน่วยงาน (อ้างอิง ค�าพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดี
ธันวาคม ๒๕๔๒ และครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๓ ทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจาก หมายเลขด�าที่ อ.๒๗๓/๒๕๕๔ คดีหมายเลข
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ภายหลังการรักษาตัวด้วย การละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายก�าหนด แดงที่ อ. ๕๗๘/๒๕๖๒)
การผ่าตัด สองครั้ง และออกจากโรงพยาบาล ให้ต้องปฏิบัติ และอยู่ในอ�านาจพิจารณา
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ผู้ฟ้องคดี พิพากษาของศาลปกครองตามพระราช
ไม่สามารถกลับมายืนได้เหมือนเดิม มีอาการ บัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณา
อัมพาต และไม่สามารถควบคุมการขับถ่าย คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๙ วรรค
ได้ เมื่อผู้ฟ้องคดีใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ หนึ่ง (๓) การที่ผู้ถูกฟ้องคดีโดยโรงพยาบาล
26 May 2020 M • Master A • Altruism H • Harmony I • Integrity D • Determination O • Originality L • Leadership