3 เหตุผลที่ประเทศไทยต้องพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทานสุขภาพ

Published: 29 July 2023

เปิดเบื้องหลังการพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทานสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของอุตสาหกรรมด้านการแพทย์อย่างบูรณาการ ตลอดจนการอัปเกรดประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงพยาบาลไทยให้ดียิ่งขึ้น

ลดระยะเวลาการทำงาน ลดความผิดพลาด และลดต้นทุนด้วยระบบการจัดการคลังยาและเวชภัณฑ์รูปแบบใหม่

จากการดำเนินงานตลอดระยะเวลากว่า 13 ปี ของ รศ.ดร.ดวงพรรณ กริชชาญชัย หัวหน้าศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวเรือใหญ่ผู้ริเริ่มโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศของห่วงโซ่อุปทานสุขภาพของไทย ที่จะทำให้เราได้ทราบกันว่า…ทำไมประเทศไทยจะต้องมีการจัดการห่วงโซ่อุปทานสุขภาพแบบบูรณาการด้วยนะ?

1. ประเทศไทยมีระบบฐานข้อมูลด้านสุขภาพแบบแยกส่วน (Fragmented data) ระบบสารสนเทศหรือระบบฐานข้อมูลด้านสุขภาพของประเทศไทยมีการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลแบบของใครของมัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลผู้รับบริการ ข้อมูลผู้ให้บริการ ข้อมูลยา ข้อมูลเวชภัณฑ์หรืออุปกรณ์การแพทย์ ต่างอยู่คนละที่กันทั้งสิ้น จึงทำให้การบริหารจัดการอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของคลังยาและเวชภัณฑ์ทำได้ยากมาก เพราะขาดการบูรณาการและการเชื่อมโยงของระบบฐานข้อมูลตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

2. ประเทศไทยมีมาตรฐานข้อมูลรหัสยามากถึง 8 รหัส! ประเทศไทยมีฐานข้อมูลรหัสยาด้วยกันทั้งหมด 8 รหัส ได้แก่ เลขทะเบียนยา (Reg. No), รหัสยา 24 หลัก (STD 24), บัญชีข้อมูลยาและรหัสยามาตรฐานไทย (TMT), บัญชียาหลักแห่งชาติ (NLEM), เอกสารกำกับยาประชาชน (PL), ระบบจำแนกยาตามการรักษาทางกายวิภาคศาสตร์ (ATC), รหัสหมวดหมู่สินค้าและบริการที่มีการใช้งานในภาครัฐและเอกชน (UNSPSC) และ รหัสสินค้ามาตรฐาน (GTIN-13) หรือ รหัสบาร์โค้ด (GS1 Thailand)

ซึ่งการมีมาตรฐานเป็นจำนวนมากนั่นก็หมายความว่า ‘ฐานข้อมูลรหัสยาของไทยไม่มีมาตรฐาน!’ แต่ละหน่วยงานหรือองค์กรที่มีการใช้ข้อมูลที่ต่างกัน หรือการเรียกยาด้วยรหัสหรือชื่อคนละแบบจะทำให้ข้อมูลยาในระบบคอมพิวเตอร์แตกต่างกันออกไปด้วย เมื่อคอมพิวเตอร์ที่อยู่คนละที่ไม่สามารถคุยภาษาเดียวกันได้แบบอัตโนมัติเพราะใช้มาตรฐานข้อมูลยาคนละรหัสกัน ปัญหาในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ระหว่างผู้ผลิตและโรงพยาบาลจึงเกิดขึ้น

3. ผู้รับบริการไม่สามารถรู้ได้ว่า…ยาหรือวัคซีนที่ได้รับเข้าไปนั้นมาจากที่ไหนกันแน่! ความปลอดภัยในชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย คือ การนำเข้าวัคซีนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมาก

การติดตามและสอบย้อนกลับสถานะข้อมูลของยาหรือเวชภัณฑ์ต่าง ๆ (Tracking and Traceability) จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด เพราะสามารถตรวจสอบได้ว่ามาจากผู้ผลิต ผู้ขนส่ง ผู้กระจายสินค้า ผู้นำเข้ารายใด และไปที่ไหนในวันและเวลาใดบ้าง ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นจากกระบวนการดูแลติดตามยาและเวชภัณฑ์ให้ผู้รับบริการเกิดความมั่นใจได้

โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศในห่วงโซ่อุปทานสุขภาพแห่งชาติจึงเป็นการแก้ไขปัญหาตรงจุดอย่างแท้จริงทั้งระดับโครงสร้างจนถึงระดับปฏิบัติงาน โดยเริ่มต้นจากการรวบรวม ผสานข้อมูลจากทุกหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกันอย่างบูรณาการ  มีการทำ Data Analytics เชื่อมโยงข้อมูลและควบรวมมาตรฐานข้อมูลรหัสยาทั้งหมดไว้ในฐานข้อมูลกลางระบบฐานข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ (National Medicine Produce Catalogue Database: NMPCD) ตลอดจนการสร้างระบบการติดตามและสอบย้อนกลับสถานะข้อมูลของยาหรือเวชภัณฑ์ (Tracking and Traceability) ที่ทำให้เกิดศักยภาพในการปฏิบัติงานครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานสุขภาพ

ความสำเร็จที่เห็นได้ชัดเจน คือ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำระบบการติดตามและสอบย้อนกลับสถานะข้อมูลของยาหรือเวชภัณฑ์และวัคซีนโควิด 19 ได้สำเร็จ โดยในกระบวนการติดตามวัคซีนโควิด 19 ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และทราบข้อมูลทั้งหมดว่า วัคซีนตัวนี้ผลิตจากไหน ล็อตอะไร ขนส่งมากับรถอะไร กระจายสินค้าที่คลังไหน ใครรับ แจกจ่ายไปที่โรงพยาบาลใด และท้ายที่สุดไปฉีดวัคซีนตัวนั้นให้ใคร ซึ่งจะปรากฏอยู่ใน ‘แอปพลิเคชันหมอพร้อม’ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง

ติดตามอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ ได้ที่ MUSEF Conference


ขอขอบคุณ

  • รศ.ดร. ดวงพรรณ กริชชาญชัย
    วหน้าศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ
    คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

Page View: 1,568 times

Related Posts

9 June 2025

มหิดลจัดงาน “Together for Mahidol Campus Sustainability” มุ่งสู่ Net Zero Emission เดินหน้านำสู่ความยั่งยืน

มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูน เดินหน้านำสู่ความยั่งยืน
6 June 2025

ฉลองครบรอบ 60 ปี คณะกายภาพบำบัด ม.มหิดล เพื่อสุขภาวะดีอย่างยั่งยืน

มุ่งสร้างสรรค์สังคมสู่ความยั่งยืนด้านสุขภาวะด้วยกายภาพบำบัด
21 May 2025

ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ Mahidol Change Agent #1

ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ Mahidol Change Agent จำนวน 57 คน

Featured Article

9 June 2025

มหิดลจัดงาน “Together for Mahidol Campus Sustainability” มุ่งสู่ Net Zero Emission เดินหน้านำสู่ความยั่งยืน

มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูน เดินหน้านำสู่ความยั่งยืน
6 June 2025

ฉลองครบรอบ 60 ปี คณะกายภาพบำบัด ม.มหิดล เพื่อสุขภาวะดีอย่างยั่งยืน

มุ่งสร้างสรรค์สังคมสู่ความยั่งยืนด้านสุขภาวะด้วยกายภาพบำบัด
26 May 2025

“Policy Forum: ประชาชนอยู่ตรงไหนในสมการสันติภาพ”

นำเสนอหลักฐานทางวิชาการอันนำไปสู่การสร้างความกลมเกลียวและการอยู่ร่วมกันโดยสันติในพื้นที่พหุวัฒนธรรมบน

We use cookies to improve performance and good experience using your website. You can study details at Privacy Policy And you can manage privacy setting at Setting Page

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top
Scroll to Top