วันที่ 15 ตุลาคม 2563 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดเวทีเสวนาพิเศษสื่อสารความรู้สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง NOBEL PRIZE in Science Café Vol.3 ตอน “ไวรัสตับอักเสบซี” โดยมี รองศาสตราจารย์ พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา รองศาสตราจารย์ ดร.วิไล หนุนภักดี เทียนรุ่งโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี และ รองศาสตราจารย์ ดร.ชื่นจิตต์ บุญเฉิด อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบซี สาเหตุของการเกิดมะเร็งตับ และเรื่องราวการค้นพบโครงสร้างไวรัส ซึ่งนำไปสู่การค้นหายาต้านไวรัสตับอักเสบซีโดยตรงได้สำเร็จ ถือเป็นการสร้างประโยชน์และยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ไปอีกขั้น รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ดำเนินรายการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พญ.พิมทิพย์ สังวรินทะ อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ ห้องประชุม K102 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท
ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus) เป็นปัญหาด้านสุขภาพทั่วโลกในระดับที่เทียบเท่ากับการติดเชื้อเอชไอวีและวัณโรค ปัจจุบันพบว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 70 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วจำนวนกว่า 400,000 คน การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนสามารถติดต่อผ่านการรับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดที่มีชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของไวรัส ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และนำไปสู่มะเร็งตับในที่สุด โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่มีอาการใด ๆ เลยจนกว่าจะมีการเสื่อมของตับมากขึ้น จนกระทั่งตับแข็ง
ปัจจุบันยารักษาไวรัสตับอักเสบซีมีหลายชนิด ทั้งยาแบบฉีด และยาแบบรับประทานที่ออกฤทธิ์ต่อไวรัสโดยตรง (DAAs: Direct acting antiviral agents) เช่น โซฟอสบูเวียร์ (Sofosbuvir) ซึ่งได้รับการบรรจุอยู่ใน สปสช.แล้ว การรักษาด้วยการฉีดยาร่วมกับการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องผู้ป่วยสามารถหายขาดได้ อัตราการตอบสนองต่อยาอาจสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นอยู่กับชนิดย่อยของไวรัส ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 7 ชนิดย่อย และอาจจะมีการค้นพบชนิดย่อยใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคต สำหรับประเทศไทยส่วนมากพบผู้ป่วยด้วยไวรัสตับอักเสบซีชนิดที่ 3 มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 40 การพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซีนั้น เนื่องจากตัวไวรัสมีการพัฒนาตนเองเพื่อความอยู่รอดอย่างต่อเนื่องและมีความหลากหลายแม้จะอยู่ในผู้ป่วยเพียงคนเดียว ดังนั้น การพัฒนาวัคซีนจึงต้องครอบคลุมต่อการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต