วันที่ 14 กันยายน 2563 มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย” โดยมี นายมารุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล นายนเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ และนางอัจฉรา เจริญสุข ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ร่วมลงนามความร่วมมือ ณ ห้องประชุมกรมหลวงวงศาธิราชสนิท สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย กรุงเทพ พร้อมนี้ ได้มีพิธีเปิดป้าย “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย” (Excellence Center for Thai Herbal Product Innovation: ECTHPIn) และเยี่ยมชมศูนย์ ณ ชั้น 3 และชั้น 4 อาคารสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย
“ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย” เป็นความร่วมมือระหว่าง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) และสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างบุคลากร ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรไทย การนำงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการการตลาดด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีนวัตกรรมด้านคุณภาพ ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการวางรากฐานนวัตกรรมฐาน (Innovation platform) โดยความร่วมมือระหว่าง คณะวิทยาศาสตร์ และ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) จัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้นหาตัวยา” (Excellent Center for Drug Discovery: ECDD) เพื่อรองรับงานวิจัยด้านการศึกษากลไกการเกิดโรค และการค้นหาสารออกฤทธิ์ทางยา เพื่อเป็นจุดตั้งต้นในการค้นหาตัวยาใหม่ในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
การทำข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเชื่อมโยงการทำงานแบบบูรณาการ โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรในการทำงานตามความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดย มหาวิทยาลัยมหิดล จะร่วมกำหนดแผนการวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนแม่บทแห่งชาติ ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์การวิจัย เทคโนโลยีขั้นสูง และสนับสนุนบุคลากรร่วมดำเนินการ อีกทั้งร่วมพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศในตลาดผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติระดับสากล โดยความร่วมมือครั้งนี้จะดำเนินการต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี