วันที่ 28 ธันวาคม 2559 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกาศผลผู้ได้รับทุนนักวิจัยแกนนำประจำปี 2559 พร้อมลงนามในสัญญามอบทุนกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งมีนักวิจัยแกนนำที่ได้รับทุนนักวิจัยแกนนำประจำปี 2559 จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรเดช หงส์อิงคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จากโครงการวิจัยเรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมเพื่อการรักษามะเร็งด้วยวิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกัน” และศาสตราจารย์ ดร.แชบเบียร์ กีวาลา บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จากโครงการวิจัยเรื่อง “เครือข่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการค้า และการผลิตอาหารและพลังงานอย่างยั่งยืน” ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ไปจนถึงการแปรรูปเป็นอาหาร อาหารสัตว์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ” โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าร่วมเครือข่ายวิจัยนี้ ณ ห้องประชุมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ โดยโครงการทุนวิจัยแกนนำเป็นโครงการหนึ่งที่สนับสนุนให้นักวิจัยที่มีคุณภาพสูง ได้สร้างสรรค์และถ่ายทอดผลงานที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านสาธารณสุข ด้านเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม โดยหวังว่าจะเกิดผลกระทบระดับสูงในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการพัฒนานักวิจัยรุ่นกลางและรุ่นใหม่ให้มีศักยภาพสูงขึ้น
ผศ.ดร.ตระการ ประภัสพงษา นักวิจัย ม.มหิดล (หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยวิศวกรรมประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ: Mahidol EcoLab และ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์) กล่าวว่า “เครือข่ายวิจัยนี้เป็นความร่วมมือทางวิชาการ ของนักวิจัยจำนวน 10 คน จาก 6 มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำ ได้แก่ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ม.มหิดล ม.เกษตรศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ม.พะเยา และ ม.มหาสารคาม มีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้ข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายด้านอาหารและพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน และการจัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจน เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย โดยใช้หลักการประเมินความยั่งยืนตลอดวัฏจักรชีวิตที่พิจารณากิจกรรมการผลิตวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการของเสียขั้นสุดท้าย ตลอดจน การขนส่งที่เกี่ยวข้องในทุก ๆ ขั้นตอน โดยมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมวิจัยในการพัฒนาวิธีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิต เพื่อสนับสนุนเมืองนวัตกรรมอาหารและอุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทย”
เครือข่ายวิจัยฯนี้ มีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในการพัฒนานวัตกรรมหรือเครื่องมือเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายสำหรับการผลิตอาหารและพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืนของภาครัฐ ช่วยสนับสนุนการค้าและการผลิตอย่างเป็นรูปธรรมกับผู้ประกอบการ จำแนกมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มผลผลิต และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ ข้อเสนอแนะรูปแบบการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย สามารถเป็นแกนนำในการขยายงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์นโยบายเกษตร อาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้ง สร้างการยอมรับจากสากลถึงมาตรฐานการผลิตที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยยังเป็นผู้นำของโลกและสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ และที่สำคัญที่สุดเพื่อมุ่งไปสู่การผลิตอาหารและพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน สร้างการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศไทยในระยะยาว ตามเป้าหมายด้าน “มั่นคง”ทางทรัพยากรธรรมชาติ อาหาร และพลังงาน “มั่งคั่ง” ทางการพัฒนาเศรษฐกิจ และ “ยั่งยืน” ทางสิ่งแวดล้อมและสังคม สู่ไทยแลนด์ 4.0