หลังจากมีการประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่อง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ทำให้สังคมไทยตื่นตัวเรื่องความสำคัญของความปลอดภัยในการโดยสารรถยนต์ของเด็กเล็กอย่างมาก
โดยกฎหมายฉบับใหม่ระบุว่า เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย และคนที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยมีผลบังคับใช้หลัง 120 วันนับแต่ประกาศ และหากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท
เพราะการเดินทางที่ปลอดภัย ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยหรือใช้ที่นั่งนิรภัย (Car Seat)
เมื่อเกิดการชน ความเร็วของรถยนต์ลดลงอย่างกะทันหัน แต่ผู้โดยสารยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วก่อนหน้า ทำให้ร่างกายกระแทกเข้ากับโครงสร้างภายในรถยนต์ หรือกระเด็นออกนอกรถได้ ดังนั้นการยึดเหนี่ยวร่างกายไว้กับที่นั่ง ไม่ให้เคลื่อนที่ต่อเมื่อรถยนต์ลดความเร็วลงฉับพลัน จึงเป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง
วิธีการติดตั้ง Car Seat ต้องติดตั้งตามช่วงอายุของเด็ก ดังนี้
- ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 2 ขวบ ให้ติดตั้งที่เบาะหลัง หันหน้าเข้าหาเบาะ และปรับเอนราบแบบนอน (Rear-Facing Car Seat)
- อายุ 2 ขวบ ถึง 6 ขวบ ให้ติดตั้งที่เบาะหลัง หันไปด้านหน้าตามปกติ ปรับเอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน (Forward-Facing Car Seat)
- อายุ 4 ขวบ ขึ้นไป ให้ติดตั้งอุปกรณ์บูสเตอร์ที่เบาะหลัง (Booster Seat) เพื่อให้เด็กโตสามารถใช้งานเข็มขัดนิรภัยได้เหมือนผู้ใหญ่ และหันไปด้านหน้าตามปกติ
- เมื่อเด็กอายุถึง 9 ขวบ หรือส่วนสูง 135 ซม. ขึ้นไป สรีระร่างกายจะพร้อมสำหรับการคาดเข็มขัดนิรภัยที่มาพร้อมกับรถยนต์
และไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใดก็ตาม การคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งของการเดินทาง ช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บ ลดความเสี่ยงการสูญเสีย และหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่มีสมาธิ และไม่เป็นกังวลขณะที่มีเด็กอยู่ในรถ