![]() |
เสด็จประพาสอุทยาน ทรงเห็นเทวทูต ๔ คือ
คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต
พระเจ้าสุทโธทนะผู้พระราชบิดา และพระญาติทั้งปวงทรงปรารถนาที่จะให้ |
เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จอยู่ครองราชสมบัติ มากกว่าที่จะให้เสด็จออกบรรพชา |
อย่างที่คำทำนายของพราหมณ์บางท่านว่าไว้ จึงพยายามหาวิธีผูกมัดพระ |
โอรสให้เพลิดเพลินในกามสุขทุกอย่าง แต่เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระ |
อัธยาศัยเป็นนักคิดสมกับที่ทรงเกิดมาเป็นพระศาสดาโปรดชาวโลก จึงทรง |
ยินดีในความสุขนั้นไม่นาน พอพระชนมายุมากขึ้นจนถึง ๒๙ ก็ทรงเกิด |
นิพพิทา คือ ความเบื่อหน่าย |
ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกในพระทัยเช่นนั้น อยู่ที่ทรงเห็นสิ่งที่เรียก |
ว่า เทวทูตทั้ง ๔ ระหว่างทางในวันเสด็จประพาสพระราชอุทยานนอกเมือง |
ด้วยรถม้าพระที่นั่ง พร้อมด้วยสารถีคนขับ เทวทูตทั้ง ๔ คือ คนเจ็บ คนตาย |
และนักบวช ทรงเห็นคนแก่ก่อน |
ปฐมสมโพธิบรรยายลักษณะของคนแก่ไว้ว่า "มีเกศาอันหงอก แลสีข้างก็คด |
ค้อม กายนั้นง้อมเงื้อมไปในเบื้องหน้า มือถือไม้เท้าเดินมาในระหว่างมรรค |
วิถี มีอาการอันไหวหวั่นสั่นไปทั่วทั้งกายควรจะสังเวช..." |
ก็ทรงสังเวชสลดพระทัย เช่นเดียวกับเมื่อทรงเห็นคนเจ็บและคนตายในครั้งที่ |
สอง และที่สามเมื่อเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ทรงปรารภถึงพระองค์ว่า |
จะต้องเป็นอย่างนั้น ทรงพระดำริว่าสภาพธรรมดาในโลกนี้ย่อมมีสิ่งตรงกัน |
ข้ามคู่กัน คือ มีมืดแล้ว มีสว่าง มีร้อน แล้วมีเย็น เมื่อมีทุกข์ ทางแก้ทุกข์ก็น่า |
จะมี |
ในคราวเสด็จประพาสพระราชอุทยานครั้งที่ ๔ ทรงเห็นนักบวช "นุ่งห่มผ้ากา |
สาวพัสตร์กอปรด้วยอากัปกิริยาสำรวม..." |
เมื่อทรงเห็นนักบวชก็ทรงเกิดพระทัยน้อมไปในทางบรรพชา ทรงรำพึงในพระ |
ทัยที่เรียกอีกอย่างหนึ่ง ทรงเปล่งอุทานออกมาว่า "สาธุ ปัพพชา" สองคำนี้ |
เป็นภาษาบาลี แปลให้ตรงกับสำนวนไทยว่า "บวชท่าจะดีแน่" แล้วก็ตัดสิน |
พระทัยว่า จะเสด็จออกบวชตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |