![]() |
ทรงพาพระนันทะไปชมนางฟ้า พระนันทะใคร่จะได้เป็นชายา
ทรงรับรองจะให้สมหวัง
หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธบิดา และพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ |
เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ได้เสด็จกรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ |
พร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารที่ตามเสด็จในการนี้ พระภิกษุนันทะ พระอนุชาผู้ |
ถูกจับให้บวช และราหุลสามเณรก็ได้ติดตามเสด็จไปด้วย |
ต่อมา พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์จำนวนมากได้เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี |
แห่งแคว้นโกศล ซึ่งเป็นเมืองและแคว้นใหญ่พอ ๆ กับกรุงราชคฤห์แห่งแคว้น |
มคธ พระนันทะก็ได้ติดตามเสด็จไปด้วย |
แต่ตลอดเวลานับตั้งแต่บวชแล้วเป็นต้นมา พระนันทะไม่เป็นอันปฏิบัติกิจ |
ของสมณะ ใจให้รุ่มร้อนคิดจะลาสึกอยู่ท่าเดียว เพราะความคิดถึงนาง |
ชนบทกัลยาณี เจ้าสาวคู่หมั่นซึ่งกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับตน |
ความเรื่องนี้ทราบถึงพระพุทธเจ้า อรรถกถาท่านเขียนเรื่องตอนนี้เป็นปุคคลา |
ธิษฐาน (วิธีแสดงธรรมโดยยกบุคคลขึ้นอ้าง) ว่า พระพุทธเจ้าจึงพาพระนันทะ |
เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ระหว่างทางทรงชี้ให้พระนันทะดูนางลิงลุ่น |
ตัวหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่บนตอไม้ไฟไหม้ในทุ่งนาชายป่าแห่งหนึ่ง นางลิงลุ่น คือ ลิง |
ตัวเมียหูขาดจมูกแหว่ง จากนั้นเมื่อถึงสวรรค์ พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้พระนันทะ |
ดูสาวสวรรค์ ที่แต่ละนางมีฝ่าเท้าแดงเหมือนเท้านกพิราบ และสวยยิ่ง |
กว่าสาวชาวโลกมนุษย์หลายเท่า |
"นันทะ! ระหว่างนางชนบทกัลยาณี เจ้าสาวของเธอ กับสาวสวรรค์เหล่านี้ |
ใครสวยกว่ากัน" พระพุทธเจ้าตรัสถาม |
พระนันทะทูลตอบพระพุทธเจ้าว่า "เวลานี้นางชนบทกัลยาณีเหมือนนางลิง |
ลุ่นตัวนั้น" |
ถอดความที่กล่าวให้เห็นก็คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้นันทะเห็นแจ้ง |
ว่า ความรักความสวยไม่มีที่สิ้นสุดที่ยึดถือว่าสิ่งนี้สวยและน่ารักก็เพราะยัง |
ไม่เห็นสิ่งอื่นที่สวยและน่ารักกว่า |
พระนันทะได้ฟังแล้วเกิดเบื่อหน่ายคลายความรัก และความยินดีในความ |
สวย ตั้งใจปฏิบัติธรรมไม่ช้าก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |