![]() |
พระโมคคัลลาน์ สารีบุตร อัครสาวกซ้าย-ขวา
มาทูลขอบรรพชาเป็นเอหิภิกขุ
ภาพที่เห็น คือ พระโมคคัลลาน์ สารีบุตร กำลังบวชกับพระพุทธเจ้าที่วัดเวฬุ |
วัน กรุงราชคฤห์ก่อนบวช ทั้งสองบวชเป็นปริพาชกในฐานะเป็นศิษย์สาวก |
ของสญชัย |
สญชัยเป็นศาสดาปริพาชกที่มีชื่อเสียงมากผู้หนึ่งในแคว้นมคธ มีลูกศิษย์ |
และคนนับถือมากโมคคัลลาน์ สารีบุตร เคยอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาหาความรู้ทาง |
พ้นทุกข์ แต่ครั้นศึกษาจบแล้วเห็นว่ายังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงลาอาจารย์สญ |
ชัยออกแสวงหาความรู้ใหม่ต่อไป แล้วจึงมาพบพระอัสสชิในเมืองราชคฤห์ |
พระอัสสชิเป็นรูปหนึ่งในคณะพระปัญจวัคคีย์ ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งออกไป |
ประกาศพระศาสนาท่านทราบว่าเวลานั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ที่ |
เมืองราชคฤห์ ท่านจึงเดินทางเพื่อมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่นั่น ระหว่างทางมาได้ |
พบพระสารีบุตร ซึ่งขณะนั้นเรียกว่า 'อุปติสสปริพาชก' สารีบุตรเห็นกิริยา |
ท่าทางพระอัสสชิน่าเลื่อมใสจึงสนใจเข้าไปสนทนาถามถึงทางปฏิบัติ และผู้ |
เป็นพระศาสดา เมื่อได้ฟังก็ชอบใจ ภายหลังจากนั้นจึงกลับมาชวนสหายคือ |
โมคคัลลาน์ หรือ 'โกลิตปริพาชก' ก็เรียกไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วย |
ปริพาชกบริวารที่ติดตามมาอีก ๒๕๐ คน |
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรับรองการบวชของท่านทั้งสองด้วยพระดำรัสว่า "มา |
เป็นพระด้วยกันเถิด" นั้นท่านผู้แต่งนิยายทางศาสนาพุทธแต่ก่อนพรรณนา |
ว่า บาตรและจีวรก็ล่องลอยลงมาจากนภากาศสวมร่างของท่านทั้งสองเป็น |
พระภิกษุทันที |
ความที่ว่านี้ ถ้าเขียนถอดความเป็นภาษาทุกวันนี้ก็คือ ผู้ที่เคยเป็นนักบวชอยู่ |
ก่อนแล้ว เมื่อมาบวชกับพระพุทธเจ้าและได้รับอนุมัติแล้ว ไม่ต้องเสียเวลา |
เตรียมหาเครื่องอัฐบริขาร เพราะบาตรและจีวรมีอยู่พร้อมแล้ว |
ภายหลังบวชแล้วไม่นาน ท่านทั้งสองได้ปฏิบัติธรรมจนสำเร็จอรหันต์ เป็น |
กำลังสำคัญในการประกาศพระศาสนาช่วยพระพุทธเจ้ามากที่สุด พระพุทธ |
เจ้าจึงทรงตั้งท่านทั้งสองให้ดำรงตำแหน่งพระอัครสาวก พระสารีบุตรเป็น |
พระอัครสาวกฝ่ายขวา พระโมคคัลลาน์ฝ่ายซ้าย ว่าอย่างสามัญก็เท่ากับเป็น |
มือขวามือซ้ายของพระพุทธเจ้านั่นเอง ท่านทั้งสองนี้นิพพานก่อนพระพุทธ |
เจ้าไม่กี่เดือน พระสารีบุตรนิพพานด้วยโรคประจำตัว ส่วนพระโมคคัลลาน์ |
ถูกอันธพาลจากคนในศาสนาอื่น (เดียรถีย์) จ้างมาฆ่า |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |